นอกจากสมรรถนะในการขับเคลื่อนของรถยนต์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ผู้ขับขี่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอคือความปลอดภัย ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ควรนำรถยนต์ไปตรวจเช็กสภาพอยู่เป็นประจำ ตามระยะที่กำหนด รวมไปถึงเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ทุกครั้ง ตามอายุการใช้งานอะไหล่รถยนต์ และสำหรับคนที่ไม่แน่ใจว่าอะไหล่รถควรเปลี่ยนตอนไหนดี เราจะมาชวนทำเช็กลิสต์อายุการใช้งานอะไหล่รถที่ควรเปลี่ยนเป็นประจำกันที่นี่เลย
เช็กอายุการใช้งานอะไหล่รถ 11 ชนิด ควรเปลี่ยนตอนไหนดี
อะไหล่รถเปลี่ยนตอนไหนดี? คำถามที่จริง ๆ แล้วผู้ขับขี่ทุกคนควรจะต้องรู้ เพราะนี่เป็นสิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของการใช้รถใช้ถนนโดยตรง เนื่องจากชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็จะมีอายุการใช้งานอะไหล่รถที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น จึงต้องหมั่นตรวจสภาพ และดูแลอะไหล่รถยนต์เพื่อให้พร้อมต่อการใช้งานอยู่เสมอ และนี่ก็คือ 11 ชนิดอะไหล่รถยนต์ชิ้นสำคัญ ที่เราจะมาบอกระยะเวลาที่เหมาะสมต่อการเปลี่ยน เพื่อใช้งานชิ้นใหม่กัน
1. น้ำมันเครื่อง/ไส้กรองน้ำมันเครื่อง
“น้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมันเครื่อง” เป็นอะไหล่รถยนต์ที่มีส่วนในการช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจุดสังเกตที่จะทำให้รู้ว่าอะไหล่ชิ้นดังกล่าวกำลังจะทำงานไม่ไหวหรือเข้าข่ายเสื่อมสภาพไปแล้ว นั่นคือการเปลี่ยนสีของน้ำมันเครื่องเป็นสีดำ แต่ความจริงคุณก็ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงขั้นเปลี่ยนสี เพราะเราสามารถเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองก่อนได้ เพียงแค่สังเกตจากระยะทาง โดยประมาณจะอยู่ที่ 5,000-10,000 กิโลเมตรนั่นเอง
2. แบตเตอรี่
ในส่วนของ “แบตเตอรี่รถ” โดยระยะเวลาปกติแล้วควรจะเปลี่ยนประมาณ 2-3 ปี/ครั้ง แล้วแต่การใช้งานที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าเป็นแบตเตอรี่แบบเปียกก็ควรจะต้องเพิ่มการดูแลเข้าไประหว่างการใช้งาน โดยการเช็กน้ำกลั่นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หากไม่ได้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก็ให้เติมน้ำกลั่นเข้าไปเพื่อกลับสู่ระดับเดิม จะได้เก็บประจุไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
3. ไส้กรองอากาศ
ในส่วนของไส้กรองอากาศ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่กรองเอาสิ่งสกปรกภายในอากาศ เพื่อดักจับก่อนจะที่หลุดรอดเข้าไปในเครื่องยนต์ เป็นด่านช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันจนไปกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งทำให้อาจเกิดการเผาไหม้ได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น จึงไม่ควรปล่อยให้เสื่อมสภาพ โดยเริ่มจากการดูแลเพื่อยืดอายุการใช้งานอะไหล่รถ ด้วยการเป่าทำความสะอาดไส้กรองอากาศในทุก ๆ 3,000-5,000 กิโลเมตร และเปลี่ยนใหม่เมื่อมีการใช้งานร่วมกว่า 20,000 กิโลเมตรหรือ 1 ปี
4. ผ้าเบรก
อีกหนึ่งชิ้นส่วนสำคัญต่อการขับขี่ คงหนีไม่พ้น “ผ้าเบรก” ที่เป็นตัวช่วยหยุดหรือห้ามล้อ ซึ่งถ้าปล่อยให้เสื่อมสภาพ ละเลยการใส่ใจแม้ได้ยินเสียงผิดปกติเมื่อเบรก ก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้ทั้งกับตัวรถยนต์และผู้ขับขี่เองได้ โดยระยะเวลาที่ควรเปลี่ยน สามารถสังเกตได้จากระยะทางโดยรวม หากใช้ไปแล้วประมาณ 50,000-70,000 กิโลเมตร ก็ควรเปลี่ยนใช้ผืนใหม่ เพื่อให้เบรกสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
5. หัวเทียน
สำหรับ “หัวเทียน” อะไหล่ที่ส่งผลต่อสมรรถนะการทำงานของเครื่องยนต์โดยตรง หากปล่อยให้เสื่อมสภาพ ใช้งานจนมันเก่ามากจนเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดอาการเครื่องยนต์สะดุด เครื่องดับ ทำงานได้อย่างไม่เต็มที่เอาได้ ดังนั้น ถ้าระยะของรถเริ่มแตะเข้า 40,000 กิโลเมตรเมื่อไหร่ ก็ให้ไปเปลี่ยนได้เลยทันที เพราะถือว่าใช้งานมาเต็มอายุการใช้งานอะไหล่รถแล้ว
6. น้ำมันเกียร์/ไส้กรองน้ำมันเกียร์
สำหรับ “น้ำมันเกียร์และไส้กรองน้ำมันเกียร์” ถือเป็นระบบที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบทั่วไป, แบบ CVT หรือแบบ Dual-clutch ก็ตาม การเปลี่ยนตามอายุการใช้งานอะไหล่รถสำหรับอะไหล่ส่วนนี้นั้นสำคัญมาก เพราะถ้าระบบเกียร์เก่าเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดอาการสึก เกียร์พัง หรือเกิดการชำรุดเศษโลหะไปปนกับน้ำมันเกียร์ จนทำให้เป็นเป็นอันตรายต่อระบบเกียร์ได้
7. ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
มาต่อกันที่ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างอะไหล่ส่วน “ไส้กรองเชื้อเพลิง” ที่มีหน้าที่ดักจับสิ่งสกปรกและน้ำที่มากับน้ำมันที่เราเติม เพื่อป้องกันไม่ให้ไปปะปนในระบบเครื่องยนต์ แต่เมื่อใช้ไปนาน ๆ ไส้กรองก็ย่อมตันและทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งจะส่งผลให้ไม่สามารถส่งแรงดันน้ำมันไปยังเครื่องยนต์ได้อย่างเพียงพอ จนเครื่องยนต์มีอาการเร่งไม่ขึ้น กระตุก หรือสตาร์ตยาก ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว จึงควรเปลี่ยนในทุก ๆ 20,000-40,000 กิโลเมตร หรือ 2 ปี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่นั่นเอง
8. หลอดไฟ
สำหรับ “หลอดไฟ” ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟถอยหลัง หรือไฟตัดหมอก อย่าลืมตรวจเช็กให้ดีอยู่เสมอ เพราะทุกตำแหน่งมีความสำคัญต่อการขับขี่เป็นอย่างมาก หากสามารถเปลี่ยนชนิดหลอดได้ แนะนำให้ใช้หลอดแบบ Xenon และ LED เพราะมีอากาศขาดได้ยากกว่า ทั้งยังใช้งานคุ้ม สว่างในระดับที่เหมาะสมอีกด้วย
9. ใบปัดน้ำฝน
อายุการใช้งานอะไหล่รถอย่าง “ใบปัดน้ำฝน” ควรจะต้องเปลี่ยนอย่างน้อย 1 ปี/ครั้ง เพราะใบปัดน้ำฝนถือเป็นอะไหล่ที่มีการเสื่อมสภาพได้ง่ายเป็นอย่างมาก โดนทั้งแดด ทั้งฝน จึงทำให้เกิดการเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน และทำให้ใบปัดเริ่มแข็ง ไม่สามารถปัดน้ำหรือทำความสะอาดได้ดีเท่าเดิมนั่นเอง
10. สายพานไทม์มิ่ง
“สายพานไทม์มิ่ง” ชิ้นส่วนที่มีลักษณะเป็นเส้น ซึ่งถือว่าเป็นสายพานหลักสำหรับรถบางรุ่น จึงไม่ควรปล่อยให้เสื่อมสภาพไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม เพราะถ้าหากสายพานไทม์มิ่งขาดขึ้นมา เครื่องยนต์ของรถก็จะเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ฉะนั้น ถ้ามีการใช้งานถึง 100,000 กิโลเมตร ก็ควรเปลี่ยนโดยทันที
11. ยางรถยนต์
สุดท้ายก็คือ “ยางรถยนต์” ชิ้นส่วนที่มีความสำคัญในการเกาะพื้นถนน และส่งเสริมสมรรถภาพในการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด แต่ถ้าปล่อยให้เสื่อมสภาพจนดอกยางหมด หรือยางเสื่อมก็จะทำให้เกิดเหตุการณ์ยางแบน ยางแตก รถลื่น จนนำไปสู่อุบัติเหตุได้นั่นเอง ดังนั้น เมื่อครบระยะทาง 30,000-50,000 กิโลเมตร หรือขับไปได้ 2-3 ปี ก็ควรจะต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามเดิม
เชื่อว่าทั้งหมดนี้จะช่วยผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ได้ตรงตามรอบอายุการใช้งานอะไหล่รถกันแล้ว และสำหรับเจ้าของรถยนต์หรือผู้ประกอบการที่กำลังมองหาแหล่งผลิตชิ้นส่วนโลหะยานยนต์คุณภาพดี ที่ TexFocus มีบริการปั๊มขึ้นรูปชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตด้วยความละเอียดสูง ตรงตามแบบของลูกค้า พร้อมให้ตอบสนองทุกสเป็กที่ต้องการ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-593-2000 หรือทางอีเมล contact@texfocus.co.th
ข้อมูลอ้างอิง
อะไหล่รถยนต์แต่ละส่วน ควรเปลี่ยนหลังใช้รถไปแล้วกี่ปี. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 จาก https://masii.co.th/blog/อะไหล่รถยนต์-เปลี่ยน
ระยะเวลาการเปลี่ยนอะไหล่ 10 ชิ้นส่วนในรถยนต์. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 จาก https://www.proprakan.com/replacement-spare-parts/#
รู้หรือไม่ อะไหล่ของรถควรเปลี่ยนตอนไหน . สืบค้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 จาก https://dtc.co.th/blog/รู้หรือไม่-อะไหล่ของรถค/